Friendship Contest- มิตรภาพบนหลังอาน
เมื่อคุณมองภาพนี้แล้วคุณเห็นอะไร? คุณเห็นมิตรภาพระหว่าง คนกับสัตว์ ? หรือมิตรภาพระหว่าง นายกับบ่าว? คุณเห็นมิตรภาพข้ามเผ่าพันธุ์?
หากคุณมองภาพนี้แล้ว คุณคิดว่าใครต้องทำงานหนักที่สุด? ใครได้ประโยชน์ที่สุด? และใครเสียประโยชน์ที่สุด?
ผมเชื่อได้ว่ามุมมองทั้งหลายเหล่านี้ แต่ละคนต่างกัน มีใครที่คิดเหมือนกันทั้งหมด และไม่มีใครที่ จะให้คำตอบเดียวกันได้ ซึ่งมุมมองและทัศนคติ ที่อาจเกิดขึ้นก็คงแล้วแต่ว่าบุคคลที่มอง มองด้วยตาหรือมองด้วยใจ
การมองภาพนี้ อาจตีความหมายโดยรวมได้ว่า :
- คนอยู่บนหลังม้าได้เปรียบ เป็นผู้บังคับบัญชา สั่งการทุกสิ่งทุกอย่าง และม้าต้องทำตาม โดยไม่มีทางเลือกอื่น
- คนอยู่บนหลังม้า ก็ไม่ได้อาจได้เปรียบไปซะทุกเรื่อง เพราะต้องดูแลม้า หาอาหารมาให้ ดูแลให้กินดีอยู่ดี เพื่อม้าจะได้มีแรงลากเกวียนต่อไป
- คนอยู่บนหลังม้าได้เปรียบ เพราะหากินกับม้า ดังนั้นจึงต้องดูแลม้าเป็นธรรมดา ทุกคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง
- ม้าสงสารช่างเสียเปรียบ ทำไมถึงปล่อยให้เขาบังคับ ทั้งที่ตัวเองก็แรงเยอะกว่า ตัวใหญ่กว่า แต่ทำไมนึกไม่ออกว่า ที่จริงแล้วม้าก็เลือกที่จะวิ่งหนีไปได้
- ม้าได้เปรียบ เพราะม้าตัวใหญ่กว่า กินจุกว่า และต้องการการดูแล ทำให้เจ้าของม้า ต้องลงทุนและลงแรงเรื่องนี้ เพราะหากม้าไม่มีคนดูแล แล้วม้าจะอยู่อย่างไร?
ตัวผมเองเชื่อว่า หากคุณมองภาพนี้แล้ว อาจคิดไปได้ในหลายทาง ซึ่งแต่ละคนก็มีทัศนคติเป็นของตัวเอง แต่ละคนคิดไม่เหมือนกัน ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องธรรมดา ของมนุษยชน คนเดินดินทั่วไป ไม่มีใครเหมือนกัน แต่ละคนมีความคิด และเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ซึ่งใครจะคิดอย่างไร ตัดสินอย่างไร ก็คงต้องขึ้นอยู่ กับทัศนคติ และการมองโลก แต่ละด้านของตนเอง ซึ่งสิ่งที่เป็นปัจจัย ให้ทุกคนมองโลกแตกต่างกันออกไปนั้น มีเบื้องหลังมาจาก พื้นฐานทางชีวิต ของแต่ละคน ซึ่งก็ไม่เหมือนกัน และมีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป
สำหรับตัวผมแล้ว ตัวอย่างด้านบนทุกข้อที่กล่าวมา ไม่สามารถเรียกว่า “มิตรภาพ” ที่แท้จริงได้ เพราะมิตรภาพที่แท้จริงนั้น ต้องเป็นการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน โดยไม่เห็นประโยชน์ของแต่ละฝ่ายเป็นหลัก ในคำว่ามิตรภาพไม่มีใครเป็นนาย หรือเป็นบ่าว มีใครได้เปรียบ หรือเปรียบเปรียบ ไม่มีใครเป็นผู้ให้ หรือเป็นผู้รับอยู่ฝ่ายเดียว คำว่ามิตรภาพนั้น เหมือนกระปุกออมสิน แห่งหัวใจ ที่ทุกฝ่ายช่วยกันหยอดใจลงไป และเมื่อกระปุกเต็ม ก็เปิดกระปุกออมสินนี้ ออกมาด้วยกัน แบ่งปันกันให้ยุติธรรมที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ถึงแม้จะไม่มีอะไรยุติธรรมเต็ม 100 % ก็ตาม
การเป็นผู้ให้และผู้รับ ในเวลาเดียวกัน โดยความเต็มใจของทั้งสองฝ่าย โดยไม่มีใครรู้สึกว่าได้เปรียบ หรือเสียเปรียบ ถึงแม้ว่าจะมีคนเสียเปรียบอยู่ แต่ก็เป็นการยกให้โดยใจ โดยไม่คำนึง ถึงผลประโยชน์ส่วนตน และไม่ติดใจ หากตัวเองจะเสียผลประโยชน์ นั่นต่างหากคือมิตรภาพแท้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่คำพูด เป็นการกระทำ ที่ทำด้วยใจของผู้ให้ และผู้รับ อย่างแท้จริง
”นานาจิตตัง” คือปถุชน ทุกชนชั้นทุกหมู่เหล่า ไม่ว่าใครจะเป็นคนลาก ใครจะเป็นคนบังคับเกวียน ก็ย่อมมีคนได้เปรียบ และเสียเปรียบอยู่เสมอ การเอาใจเขามาใส่ใจเรา เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำ หากผู้บังคับเกวียน ลงมาลากเกวียนให้ม้านั่งสักวัน ก็คงจะรู้สึกได้ ถึงความยากลำบาก ที่ม้าต้องประสบพบเจออยู่
”มิตรภาพ” ไม่มีใครลาก หรือใครจูง แต่เป็นการไปด้วยกัน พร้อมกัน และทำให้ดีที่สุดที่จะทำได้ แม้จะเป็นการเดินทางที่ล่าช้า แต่จุดหมายก็ควรจะเป็นที่เดียวกัน
ขอบคุณที่ติดตามและสนับสนุนกันมาเสมอ
Mr. Moo / @impressable