สำหรับคนที่มองว่าเศษเงินไม่มีค่า ขอให้ข้ามโพสน์นี้ไป ส่วนใครที่มองว่าเศษเงินทุกบาทมีคุณค่า เงินทองหายาก ควรทำประโยชน์ให้เกิดประโยชน์ผลิดอกออกผลให้มากที่สุด ก็ลองเข้ามาศึกษาตามกันดูว่าเราจะใช้ประโยชน์สูงสุดจากเศษเงินที่เรามีได้อย่างไร
ต้องขอออกตัวเหมือนกับทุกครั้งว่าไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญทางการเงินอย่างไร ข้อมูลที่ได้จากเราจะนำไปใช้ขอให้วิเคราะห์ถึงความเสี่ยงต่างๆ ให้ดี เพราะเรื่องที่เราจะพูดเป็นเรื่องของการลงทุน แต่เป็นเรื่องสำหรับคนมีเงินน้อยนิด สามารถนำไปใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ เราเองจะเน้นเรื่องการเก็บเงินมากๆ มี 10 บาท 20 บาท เหลือในแต่ละเดือนก็จะเก็บหมดและวิธีที่เอาเงินอันน้อยนิดไปทำประโยชน์ เพราะการออมอย่างเดียวแต่ดอกผลจากเงินออมไม่เกิดประโยชน์ แค่เปลี่ยนที่เก็บเงินออมหรือเศษเงินของเราก็ได้ดอกผลแบบผิดตา จากการเอาเงินไว้ในบัญชีออมทรัพย์แบบปกติก็เอาไปไว้ในบัญชี Online Saving ง่ายๆ คุณก็ได้ดอกเบี้ยปีละ 1.5 เปอร์เซ็นต์ จะใช้จ่ายก็ถอนออกมาแค่เข้าๆ ออกๆ ไม่มีเงินคงค้างในบัญชี คุณก็สามารถได้ดอกเบี้ยปีละหลายบาทเหมือนกันถึงแม้จะเป็นหลักสิบบาท จากปกติทำแบบเดียวกันในบัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงสุดก็แค่ 0.5 เปอร์เซ็นต์ก็จะได้แค่ดอกเบี้ยแค่หลักทศนิยมหรือไม่ถึงบาทด้วยซ้ำ
เมื่อลงทุนแบบ DCA จะได้รับหลักทรัพย์จำนวนมากน้อยแตกต่างกันไปตามแต่ละช่วงเวลา ที่ได้ลงทุน หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ “กระจายการซื้อหลักทรัพย์ตลอดเวลา ทั้งในยามที่ สภาวะการลงทุนดีและไม่ดี ด้วยเงินจำนวนเดียวกัน” ซึ่งจะทำให้ได้ “ราคาต้นทุนแบบ ถัวเฉลี่ย” จึงมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว เพราะถึงแม้ว่าจะไม่ได้กำไรสูงสุด แต่ก็ไม่มีทางขาดทุนแบบกู่ไม่กลับ ที่สำคัญยังช่วยลดความเสี่ยงของการลงทุนในสินทรัพย์ ที่มีความผันผวนมากๆ อย่างหลักทรัพย์ประเภทหุ้นสามัญและกองทุนรวมหุ้น ได้เป็นอย่างดี
ปัจจุบันวิธีการลงทุนแบบ DCA ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเป็นอย่างมาก เพราะเป็นวิธีการลงทุนที่สะดวก เหมาะกับผู้ที่มีความสนใจ จะลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่ง แต่ยังไม่มีความรู้เรื่องการจับจังหวะตลาดที่มากพอ ไม่มีเวลาในการติดตามราคา และอาจจะยังไม่พร้อม ที่จะลงทุนด้วยเงินก้อนใหญ่ ซึ่งก่อนเริ่มลงทุน เราควรทำความเข้าใจลักษณะการลงทุนแบบ DCA ให้ดีและลองสำรวจตัวเองดูว่า เราเหมาะกับการลงทุนด้วยวิธีนี้หรือไม่
Source: ห้องเรียนนักลงทุน - ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ส่วนการมีเงินน้อยก็สามารถลงทุนได้ ลงทุนในที่นี้เป็นลักษณะของการออมในความเสี่ยงที่เรารับง่าย เงินที่เราลงทุนมีความคล่องตัวในการถอนออกมาใช้ได้เมื่อยามจำเป็น ซึ่งบ้านเราโชคดีว่าที่มีกองทุนรวมที่มาตอบโจทย์ในเรื่องนี้ เพราะจริงแล้วๆ การลงทุนในหุ้นให้ผลตอบแทนที่ดีมาก มากกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ แต่ต้องใช้ระยะเวลามากกว่า 10 ปี ซึ่งการซื้อหุ้นอาจจะต้องใช้เงินเยอะ แต่การซื้อกองทุนรวมสำหรับคนมีเงินน้อยหลักร้อยบาทก็เริ่มต้นซื้อได้ ยกตัวอย่างหุ้นสถาบันการเงิน 1 หุ้นอาจจะราคา 200 บาท คุณมีเงิน 1000 บาทอาจจะซื้อได้แค่ 5 หุ้น และซื้อหุ้นได้แค่ตัวเดียว ความเสี่ยงต่างๆ ก็จะตกอยู่กับสถาบันการเงินที่เราเอาไปซื้อ แต่ถ้าซื้อกองทุนรวมราคาจะประมาณ 10 -20 บาทคุณก็จะสามารถกระจายความเสี่ยงได้หลากหลาย เพราะการซื้อกองทุนรวมมีการจำกัดขั้นต่ำในการซื้อแค่หลักร้อย ทำให้เงิน 1000 บาทของคุณสามารถกระจายความเสี่ยงของการลงทุนไปในหลายธุรกิจ เช่น 1000 บาทคุณอาจจะซื้อกองทุนรวมอาจจะ 5 กองทุนกองทุนละ 200 บาท ในหลายรูปแบบธุรกิจไม่ว่าจะเป็นสถาบันการเงิน โรงพยาบาล สินค้าอุปโภคบริโภค อสังหาริมทรัพย์ และอื่นๆ
อันนี้เราจะไม่พูดถึงประเภทของกองทุนว่ากองทุนในได้กำไรมากน้อยต่างกันอย่างไร แต่จะพูดถึงวิธีที่ทำให้เราลดความเสี่ยงในการซื้อกองทุนหรือสามารถนำไปปรับใช้กับการซื้อหุ้นได้เช่นกัน วิธีที่ว่าก็คือ Dollar Cost Average/DCA หรือการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างๆ แบบสม่ำเสมอหรือพูดแบบบ้านๆ ก็คือการถั่วเฉลี่ยซื้อในจำนวนที่เท่าๆ กันทุกเดือนโดยกำหนดความถี่ว่าคุณจะสะดวกซื้อแบบไหน แบบรายสัปดาห์ รายเดือน รายสามเดือน หรือรายปี อันนี้คุณสามารถกำหนดความถี่ได้ตามความสะดวกของคุณ การกระจายซื้อหลักทรัพย์ Dollar Cost Average แบบนี้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ราคาหลักทรัพย์ลดลง หรือเพิ่มขึ้น ด้วยเงินจำนวนเดียวกันจะทำให้คุณได้หลักทรัพย์นั้น ในราคาต้นทุนถั่วเฉลี่ย และมีโอกาสที่ได้ผลตอบแทนในระยะยาว เพราะถึงแม้ว่าเราอาจจะไม่ได้กำไรมากถึงขั้นสูงสุด แต่ก็จะไม่ทำให้เราขาดทุนแบบฉุดไม่อยู่ โดยเฉพาะพวกหลักทรัพย์ที่มีความผันผวนในเรื่องของราคามากๆ หรือใครคิดจะหลงทุนใน Cryptocurrency ถ้าไม่รู้จักเรื่องของ Dollar Cost Average ต้องบอกว่าคุณอย่าได้คิดจะลงทุน เพราะการลงทุนของคุณจะเหมือนกับการเล่นการพนัน ส่วนลงทุนแบบ Dollar Cost Average ควรจะทำแบบต่อเนื่องกันประมาณ 5 ปี 10 ปี เป็นสร้างนิสัยการออมไปในตัว