อีกหนึ่งโรคภัยไข้เจ็บในยุคสมัยนี้ที่มีแต่ความเร่งรีบและการแข่งขันนั้นก็คือ โรคกรดไหลย้อน (gastroesophageal reflux disease: GERD) เป็นโรคที่พบได้ในวัยตั้งแต่ทารกไปจนถึงผู้ใหญ่ เป็นภาวะที่น้ำย่อยจากกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นไปในหลอดอาหาร จนทำให้เกิดอาการปวดแสบปวดร้อนบริเวณหน้าอกจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน

สำหรับโรคกรดไหลย้อน หากปล่อยปะละเลยจนกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง อาจส่งผลทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน โดยเฉพาะภาวะอักเสบเรื้อรังของหลอดอาหารจนไปสู่การเปลี่ยนแปลงของเซลล์เยื่อบุหลอดอาหารส่วนปลาย ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งหลอดอาหารในที่สุด ความอันตรายของโรคกรดไหลย้อนมีดังต่อไปนี้

1) หลอดอาหารอักเสบ เนื่องจากหลอดอาหารจะสัมผัสกับกรดจากน้ำย่อยอยู่บ่อยๆ ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดที่หลอดอาหาร ปล่อยทิ้งไว้นานๆ จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งหลอดอาหาร
2) ทำให้หลอดอาหารเป็นแผล เมื่ออาเจียน จะมีกรดจากน้ำย่อยผ่านหลอดลม อาจทำให้หลอดอาหารเป็นแผลหากมีอาการหนักอาจทำให้หลอดอาหารเป็นแผลจนทะลุได้ ถ้าหลอดอาหารเป็นแผลจนทะลุไปโดนเส้นเลือด อาจทำให้เสียชีวิตได้
3) หลอดอาหารตีบตัน ถ้าเกิดแผลในหลอดอาหารนานๆ อาจจะทำให้หลอดอาหารตีบ ทำให้รับประทานอาหารแข็งไม่ได้ หรือกลืนลำบาก
4) เสียงเปลี่ยน เมื่อกล่องเสียงสัมผัสกับกรดน้ำย่อยอาหารบ่อยๆ อาจส่งผลอันตรายต่อกล่องเสียง ทำให้เกิดอาการเสียงแหบ เสียงเปลี่ยน เจ็บคอ มีอาการนานเป็นปีไม่หาย
5) ภาวะหายในลำบาก หรืออาจจะเกิดโรคปอดบวมเพราะสำลักกรดน้ำย่อยอาหารเข้าไปในปอด อาจเข้าไปกระตุ้นปอดจนทำให้เกิดอาการหอบหืด หายใจลำบาก หลอดลมตีบเฉียบพลัน
6) ฟันผุ ลองสังเกตตัวเองดูว่าหากมีกลิ่นเปรี้ยวงอยู่ในปากตลอดเวลา หรือมีกลิ่นปากตลอดแปรงฟันประจำแต่อาจจะฟันผุ อาจจะเกิดจากกรดไหลย้อน และคนที่เป็นโรคกรดไหลย้อนจะมีความเสี่ยงของการฟันผุสูง
7) มะเร็งหลอดอาหาร สำหรับใครที่ปล่อยตัวเองเป็นโรคกรดไหลย้อนเป็นเวลานานหลายปี และมีอาการน้ำหนักลดหรือเบื่ออาหารร่วมด้วย อาจจะเข้าข่ายสงสัยว่าเป็นโรคมะเร็งหลอดอาหาร